วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

9 สถานที่ดั่งเทพนิยายที่มีอยู่จริงบนผืนโลก

Socrota Island - เยเมน

สุดยอด 9 สถานที่ เทพนิยายที่มีอยู่จริงบนผืนโลก

Socotra หนึ่งในสถานที่ที่ห่างไกลที่สุดในโลก อยู่ในทะเลอาระเบียประมาณ 150 ไมล์ของแอฟริกา เกาะเป็นที่รู้จักของชาวอียิปต์โบราณ และมาร์โคโปโลก็เป็นผู้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับที่นี่  อย่างไรก็ตามที่นี่ยังคงสภาพเดิมอยู่ และมีประชากรเพียง 80,000 คน อีกทั้งยังไม่มีถนนลาดยางจนกระทั่งถึงปี 2007

สุดยอด 9 สถานที่ เทพนิยายที่มีอยู่จริงบนผืนโลก

นอกจากถ้ำ เกาะที่แปลกประหลาด และน้ำทะเลที่สวยงามแล้ว ความแห้งแล้งบนเกาะยังทำให้เกิดพืชพันธุ์ที่มีรูปทรงคล้ายมาจากต่างดาว มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าประมาณ 33% ของพืชเหล่านี้ไม่สามารถพบได้ที่ใดในโลก และหนึ่งในสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุด นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะ Socrota ก็คือต้น Dragon Blood ที่มีรูปทรงเป็นร่มนั่นเอง 

The Doorway to Hell - เติร์กเมนิสถาน
สุดยอด 9 สถานที่ เทพนิยายที่มีอยู่จริงบนผืนโลก

หลุมไฟแปลกประหลาดนี้มีชื่อเรียกว่า Door to Hell (ประตูสู่นรก) ตั้งอยู่กลางทะเลทราย Karakum มองเผินๆด้านหลังนั้นมันเหมือนประตูอันมืดมิดของมอร์ดอร์ (Mordor) ทั้งที่แท้จริงแล้วมันเป็นหลุมไฟที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของนักธรณีวิทยาในปี 1971 และนับแต่นั้นก็เกิดการเผาไหม้มาตลอด...โดยนักวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียตค้นพบ และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ จึงตั้งขึ้นแท่นขุดเจาะเพื่อแสวงหาก๊าซ แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์

สุดยอด 9 สถานที่ เทพนิยายที่มีอยู่จริงบนผืนโลก

พื้นดินทรุดตัวลงและแท่นขุดเจาะหายเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟกว้าง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณของก๊าซมีเทนได้กระจายตัวออกมาสร้างความเสี่ยงอย่างมากให้กับสภาพแวดล้อม และหมู่บ้านใกล้เคียง ในขณะที่พยายามจะระงับสถานการณ์ นักวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจปล่อยก๊าซมีเทนไปในหลุมไฟด้วยเชื่อว่ามันจะเผาไหม้ภายในไม่กี่วันเท่านั้น แต่ที่สุดแล้วกว่า 40 ปีต่อมามันก็ยังคงลุกไหม้อยู่เช่นนั้น...กลายเป็นประตูสู่นรกที่สร้างความตื่นตะลึงท่ามกลางทะเลทราย

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

ไปเที่ยวเทศกาลปามะเขือเทศที่เมืองบูโยล
คุณรู้จักมะเขือเทศมากน้อยแค่ไหนคะ? วันนี้ทราเวลไทยซ่าส์ขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวงานเทศกาลปามะเขือเทศ (Tomato Fight Festival) หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า ลา โตมาตินา (La Tomatina) เทศกาลท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศสเปน (Spain) โดยเทศกาลปามะเขือเทศนั้นถูกจัดขึ้นที่เมืองบูโยล (Bunol) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดบาเลนเซีย/วาแลนเซีย (Valencia Province) 1ใน 3 จังหวัดของแคว้นบาเลนเซีย (Valencian Community) แคว้นปกครองตนเองที่ตั้งอยู่ทางตอนกลาง-ตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสเปนนั่นเองค่ะ 


เมืองบูโยล

เมืองบูโยล ระเทศสเปน

        เมืองบูโยล ถูกสร้างขึ้นบริเวณริมฝั่งแม่น้ำบูโยล (Bunol River) ตัวเมืองถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขา จากการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีพบว่าพื้นที่รอบๆเมืองบูโยลนั้นมีหลักฐานทางอารยธรรมที่มีความเก่าแก่ย้อนหลังกลับไปถึง 50,000 ปี และในทุกๆวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคมของทุกๆปี ที่เมืองบูโยลจะมีการจัดงาน เทศกาลปามะเขือเทศ ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ 

เมืองบูโยล


เมืองบูโยล ระเทศสเปน

        โดยประวัติความเป็นมาของเทศกาลปามะเขือเทศนั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางปี 2483 ได้เกิดเหตุการกลุ่มวัยรุ่นในเมืองเกิดทะเลาะวิวาทแล้วเริ่มขว้างปาสิ่งของใส่กัน บังเอิญสิ่งที่ใกล้มือที่สุดดันเป็นลูกมะเขือเทศ เวลาผ่านไป ผู้คนเริ่มติดใจสงครามมะเขือเทศและจัดต่อกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีการตั้งเป็นเทศกาลประจำปีอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2500 


เทศกาลปามะเขือเทศ

เทศกาลปามะเขือเทศ เมืองบูโยล ระเทศสเปน

        สำหรับไฮไลท์ความสนุกของเทศกาลปามะเขือเทศนั้น นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานจะได้สนุกนานไปกับกิจกรรมการปามะเขือเทศที่ใครหลายๆคนต่างรอคอย แต่ทว่าไม่ใช่ว่าใครๆจะเดินเข้าไปแล้วก็ปามะเขือเทศใส่กันได้ง่ายๆ งานจริงจะไม่เริ่มจนกว่าจะมีผู้กล้าสามารถปีนขึ้นไปคว้าหมูแฮมที่แขวนอยู่ที่ปลายเสาทาน้ำมันลงมาได้ซะก่อน ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ไม่หมู ระหว่างนั้นรถบรรทุกก็จะฉีดน้ำใส่ผู้คนที่ร้องรำทำเพลงอยู่ด้านล่าง ทั้งเชียร์ทั้งแช่งเป็นที่สนุกสนาน เมื่อคว้าแฮมลงมาได้ เสียงปืนก็จะดังขึ้นเป็นสัญญาณ รถขนมะเขือเทศกว่า 40 ตันก็จะค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา ทีนี้ก็ตัวใครตัวมัน 


เทศกาลปามะเขือเทศ

เทศกาลปามะเขือเทศ เมืองบูโยล ระเทศสเปน

        แน่นอนว่าการขว้างมะเขือเทศใส่กันนั้นก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นมาได้เหมือนกัน จึงมีกฏบางข้อที่ควรจำสำหรับผู้เข้าร่วมงาน อย่างแรกคือ ใช้มะเขือเทศที่บีบแล้วเท่านั้น (ห้ามใช้อย่างอื่นขว้างเด็ดขาด) ควรระวังเรื่องแรงขว้างด้วย เพราะแน่นอนว่า คงไม่มีใครอยากโดนมะเขือเทศทั้งลูกกระแทกเข้าที่หน้าแบบเต็มแรง การโดนผลไม้กระแทกหน้าด้วยความเร็วสูงไม่น่าจะสนุกนัก อย่างที่สองคือ ควรใส่แว่นตาป้องกันมะเขือเทศเข้าตา สามคือ ห้ามมีการฉีกเสื้อผ้าผู้อื่น (ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว) สุดท้ายคือ เมื่อเสียงปืนครั้งที่สองดังขึ้น สงครามมะเขือเทศเป็นอันจบลง 


เทศกาลปามะเขือเทศ

เทศกาลปามะเขือเทศ
เทศกาลปามะเขือเทศ เมืองบูโยล ระเทศสเปน

        กลุ่มวัยรุ่นที่ปามะเขือเทศใส่กันเป็นกลุ่มแรกคงไม่นึกว่า การทะเลาะวิวาทกันเล็กๆ น้อยๆ จะกลายมาเป็นเทศกาลยิ่งใหญ่ประจำปีอย่างทุกวันนี้ไปได้ และงานก็ดูเหมือนจะมีผู้สนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี นักท่องเที่ยวกว่า 40,000 คนต่างหลั่งไหลกันเข้ามาที่เมืองเล็กๆอย่าง เมืองบูโยล ประชากรดั้งเดิมของเมืองนั้นมีอยู่แค่ประมาณ 10,000 คนเท่านั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่สนใจมาร่วมงานควรจะพักที่เมืองบาเลนเซียที่อยู่ใกล้ๆจะดีกว่า ใช้เวลาเดินทางมาบูโยลประมาณ 30 นาทีเท่านั้น 

ตำนาน วันฮัลโลวีน

วันฮัลโลวีน ( 31 ตุลาคม) เป็นอีกเทศกาลหนึ่ง ของชาวตะวันตก ที่คนไทยเราก็ฮิตไปกับเค้าด้วย และเมื่อพูดถึงวันฮัลโลวีนแล้ว หลายคนคงนึกถึง การแต่งกายแฟนซีเลียนแบบผี หรือไม่ก็ลูกฟักทองแกะสลัก และความสนุกสนาน ในการจัดงานฮัลโลวีนปาร์ตี้ และไหนๆ ก็รับเอาธรรมเนียมนี้ ของเค้ามาแล้ว ก็มาฟังเรื่องราว เกี่ยวกับที่มาของ วันฮัลโลวีนกันหน่อยเป็นไร

คำว่า "ฮัลโลวีน" หรือ " Halloween" นั้นเพี้ยนมาจาก " All Hallows Eve" คือ คืนก่อนวัน " All Hallows Day" หรือ " All Saint's Day" (วันที่ 1 พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นวันที่เหล่าคาทอลิกจะมาปฏิบัติศาสนกิจเพื่อระลึกถึงนักบุญต่างๆ

ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลฮัลโลวีน มันก็มีมาหลายกระแส แต่ที่คล้ายๆ กันก็คือ เทศกาลฮัลโลวีน เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว จากความเชื่อของชาวเซลติก (ชนพื้นเมืองตอนเหนือของยุโรป) โดยบางคนก็บอกว่า เป็นเทศกาล บูชาเทพเจ้า แห่งความตาย ก่อนจะเข้าสู่ฤดูเหมันต์ (ฤดูหนาว) โดยการนำเหล้าและอาหารออกมาวางนอกบ้าน เพื่อให้เทพเจ้าแห่งความตายได้ดื่มกิน

บ้างก็ว่า วันที่ 31 ตุลาคม เป็น วันปล่อยผี (คงคล้ายๆ กับวันทำบุญเดือนสิบของไทย) เหล่าวิญญาณจะกลับมายังโลก เพื่อเข้าสิงร่างของคนที่มีชีวิตอยู่ ชาวบ้านที่กลัวว่าจะถูกวิญญาณเข้าสิง ก็จะทำการดับเตาไฟในบ้าน เพื่อบ้านจะได้หนาวเย็น วิญญาณจะได้ไม่อยากเข้ามา และต่อจากนั้น ก็จะออกไปรวมตัวกัน ก่อกองไฟเพื่อให้วิญญาณกลัว นอกจากนี้ยังแต่งตัวให้เหมือนผี เดินขบวนส่งเสียงร้องไปรอบๆ หมู่บ้าน เพื่อให้วิญญาณเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกัน (คนหลอกผี !!! )
ฟักทองแกะสลัก ( Jack-o-lantern )










สำหรับที่มาของ ฟักทองแกะสลัก ( Jack-o-lantern ) เป็นเรื่องเล่าของชาวไอริชว่า ในอดีตมีชายจอมขี้เหนียว ขี้โกง แถมขี้เมา ชื่อนายแจ็ค ในวันฮัลโลวีนในปีหนึ่ง เป็นวันที่เขาต้องตาย ซาตานจึงเดินทางมาหาเจ็คเพื่อเอาวิญญาณเขาไปนรก ซึ่งขณะนั้นแจ็คกำลังดื่มเหล้าอยู่ จึงขอซาตานว่าดื่มเสร็จแล้ว จะไปลงนรกกับซาตาน เมื่อดื่มเสร็จจึงออกอุบายหลอกล่อ ว่าถ้าซาตานมีอิทธิฤทธิ์จริง ลองแปลงร่างเป็นเหรียญให้ดูหน่อยซิ ซาตานก็หลงเชื่อ ทำตามคำท้าของแจ็ค เมื่อซาตานแปลงร่างเป็นเหรียญ แจ็คก็จัดการเก็บเหรียญใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อซึ่งอยู่ติดกับไม้กางเขน เพื่อไม่ให้ซาตานกลับมาเป็นร่างเดิม ต่อมาแจ็คได้ยื่นข้อเสนอกับซาตานว่า หากอยากกลับมาสู่ร่างเดิม จะต้องสัญญาว่า จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับตนอีก เป็นเวลา 1 ปี ซาตาน ก็ตกลง



หนึ่งปีผ่านไป ซาตานก็กลับมาหาแจ็คอีก คราวนี้ แจ็คก็ออกอุบายหลอกอีกครั้ง บอกให้ซาตานปีนต้นไม้ไปเก็บผลไม้ให้หน่อย เมื่อซาตาน (คนซื่อ) ปีนขึ้นไป แจ็คก็จัดการแกะเปลือกไม้ เป็นรูปไม้กางเขน ทำให้ซาตานไม่สามารถปีนลงมาได้ แล้วแจ็คก็ยื่นเงื่อนไขว่า ถ้าซาตานอยากลงจากต้นไม้ จะต้องสัญญาว่าภายใน 10 ปีจะไม่มาเอาวิญญาณของแจ็คไป ซึ่งซาตานก็จำต้องตกลงให้คำสัญญาอีกจนได้
แต่มนุษย์ทุกคนก็หนีไม่พ้นความตาย แจ็คก็เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเขาตาย กลับไม่มีที่ไหนยอมรับวิญญาณของเขา สวรรค์ไม่ต้อนรับเขาเพราะเป็นคนเจ้าเล่ห์ ส่วนนรกก็ไม่ต้องการ เพราะว่าหลอกซาตานเอาไว้ถึงสองครั้งสองครา แจ็คจึงเป็นผีเร่ร่อน อยู่กับความมืดมิดเพียงลำพัง แต่ซาตานก็ยังใจดี โยนถ่านที่ยังไม่มอดให้กับแจ็ค 1 ก้อน ไว้ส่องทาง และเพื่อรักษาถ่านให้ส่องสว่างอยู่นานที่สุด ผีแจ็คก็ได้แกะลูกมันแกวให้เป็นรู และใส่ก้อนถ่านลงไป แล้วผีแจ็คกับตะเกียงมันแกว ก็ล่องลอยไปตามที่ต่างๆ ซึ่งคนไอริชเรียกผีแจ็คกับตะเกียงว่า Jack of Lantern ภายหลังได้เพี้ยนเป็น Jack O'Lantern 


ต่อมาคนในไอร์แลนด์ และสกอตแลนด์ ได้ทำ Jack O'Lantern เอง โดยการแกะสลัก หัวมันแกวหรือหัวมันฝรั่งให้ดูน่ากลัวแล้ววางไว้ที่หน้าต่าง เพื่อให้ผีแจ็คและผีอื่นๆ กลัว และเมื่อชาวอังกฤษ เดินทางอพยพไปอยู่อเมริกา ก็ได้นำธรรมเนียมนี้ติดไปด้วย แต่ที่อเมริกานั้นฟักทองหาง่าย อีกทั้งยังแกะสลักง่ายกว่ามันแกวกับมันฝรั่งด้วย ผู้คนจึงเปลี่ยนจาก การแกะสลักมันแกวมาเป็นฟักทองแทน (เนื้อฟักทองที่คว้านออกมาได้ ก็นำไปทำเป็นพายฟักทอง)

ส่วนประวัติความเป็นมาของ การเคาะประตูขอขนม หรือลูกอมหน้าบ้าน ( Trick-or-Treat ) นั้น ยังสรุปไม่ได้ว่ามีที่มาจากไหน บ้างก็ว่ามาจากพวกเซลติก ที่ในเทศกาล Samhain (ช่วงระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวพืชผล และถือเป็นวันปีใหม่) คนจะออกไปเคาะประตูตามบ้านเพื่อขออาหารกัน บ้างก็ว่ามาจากยุคกลางของยุโรป ที่เหล่าคริสเตียนจะเดินทางไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อขอบิสกิต ในวัน All Saint's Day โดยสัญญาว่าจะสวดมนต์ให้กับญาติที่เสียชีวิตของผู้ให้บิสกิตนั้น


Trick-or-Treat
จากเรื่องราวต่างๆ พอจะสรุปได้ว่า วันฮัลโลวีนเกี่ยวเนื่องกับสามสิ่ง คือ ความตาย ภูตผีปีศาจ และช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยว แต่ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นที่ว่าเทศกาลนี้ เป็นเทศกาลเกี่ยวความตายเทศกาลเดียว ที่นำมาซึ่งความสนุกสนาน (ถ้าอยู่ในขอบเขต)

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557


เรื่องย่อ 47 Ronin (47 โรนิน)

แนว:  อีพิค 3D แอ็กชันผจญภัย
นักแสดง:    คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves), ฮิโรยูกิ ซานาดะ (Hiroyuki Sanada),
โค ชิบาซากิ (Ko Shibasaki), ทาดะโนบุ อาซาโนะ (Tadanobu Asano)
และรินโกะ คิคุจิ (Rinko Kikuchi)
กำกับโดย:คาร์ล รินช์ (Carl Rinsch)
บทภาพยนตร์โดย: คริส มอร์แกน (Chris Morgan) และ ฮอสเซน อามินิ (Hossein Amini)
เรื่องราวภาพยนตร์โดย:คริส มอร์แกน (Chris Morgan) และ วอลเตอร์ ฮามาดะ (Walter Hamada)
อำนวยการสร้างโดย:สก็อต สตูเบอร์ (Scott Stuber), พาเมลา แอ็บดี้ (Pamela Abdy), อีริค แม็คลีออด (Eric McLeod)
คีอานู รีฟส์ หวนคืนสู่แวดวงแอ็กชันผจญภัยอีกครั้งอย่างดุเดือดใน 47 Ronin หลังจากที่ขุนพลผู้โฉดชั่วได้สังหารผู้เป็นนายของพวกเขาและสั่งเนรเทศพวกเขา ซามูไรไร้นาย 47 คนก็สาบานที่จะล้างแค้นและทวงคืนศักดิ์ศรีของตนเองกลับคืนมา
เมื่อถูกขับไล่จากบ้านเกิดเมืองนอนและต้องร่อนเร่ไปทั่วสารทิศ โรนินกลุ่มนี้จะต้องขอความช่วยเหลือจากไค (รีฟส์) ลูกครึ่งที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยกีดกัน เพื่อต่อสู้ในโลกที่โหดร้าย ที่เต็มไปด้วยสัตว์ลึกลับ เวทมนตร์เปลี่ยนร่างและความสยดสยองที่น่าอัศจรรย์ใจมากมาย
เมื่อทาสผู้ถูกกีดกันและเนรเทศผู้นี้กลายเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดของพวกเขา เขาก็ได้เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นวีรบุรุษ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กบฏที่มีจำนวนน้อยนิดกลุ่มนี้ยืนหยัดเพื่อสร้างตำนานนิรันดร์ของตัวเอง
47 Ronin กำกับโดยผู้กำกับคาร์ล รินช์ (The Gift) อำนวยการสร้างโดยสก็อต สตูเบอร์ (Ted, Identity Thief), พาเมลา แอ็บดี้ (Identity Thief และ Endless Love ที่กำลังจะเข้าฉาย) และอีริค แม็คลีออด (Mr. & Mrs. Smith, แฟรนไชส์ Austin Powers)

ตัวอย่างหนัง โรนิล 47





วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!

ในที่สุด ก็ใกล้ถึงช่วงปลายฝน ต้นหนาว กันแล้ว ช่วงเวลาที่ว่านี้ คงถูกอกถูกใจขาเที่ยวอย่างแน่นอน อย่างที่หลายๆ คน ทราบกันดีว่า ช่วงหน้าหนาวปลายปี เป็นช่วงเหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุด จะบุกขึ้นดอยก็สวยแบบเย็นๆ หรือลงทะเลเพื่อพบน้ำทะเลใส ก็งามไม่ด้อยไปกว่ากัน แถมเป็นอีกช่วงเวลาในการถ่ายรูปที่สวยที่สุดอีกด้วย!!! แต่ขึ้นชื่อว่า “ฤดูหนาว” กำลังมาเยือน นักท่องเที่ยวควรที่จะไปสัมผัสความเย็นบนดอยสูงน่าจะเหมาะสมที่สุด ถึงถูกต้องตามฤดูกาลท่องเที่ยวในหน้าหนาว

1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
ชื่อนี้มักจะเป็นติดอันดับต้นๆ ของการท่องเที่ยว เดิมชื่อว่า ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา ดอยหลวง หมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่า ดอยอ่างกานั้น เพราะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งลักษณะเหมือน อ่างน้ำ มีฝูงกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา หรือ ดอยอ่างกา ดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,599 เมตร) จึงทำให้มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มี น้ำตกแม่ยะ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ ถ้ำบริจินดา โครงการหลวงอินทนนท์ และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติหลายจุด

2. ดอยอ่างขาง

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
เป็นที่ตั้งสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ภายในสถานีมีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ แปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว สวนบอนไซ มีการจำหน่ายผลิตผลพืชผักเมืองหนาวที่ปลูก ในบริเวณโครงการฯ ให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล ในสถานีฯ มีที่พัก และมีสถานที่กางเต็นท์บริการแก่นักท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ

3. เขาค้อ – อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด! เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ชื่อว่าเขาค้อเป็นเพราะ ป่าบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก เนื่องจากภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นตลอดปี ค่อนข้างเย็นจัดในฤดูหนาว และมีทัศนียภาพสวยงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ของเพชรบูรณ์ สถานที่น่าสนใจบนเขาค้อได้แก่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ ฐานอิทธิเจดีย์ พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ หอสมุดนานาชาติเขาค้อ พระตำหนักเขาค้อ น้ำตกศรีดิษฐ์ สวนสัตว์เปิดเขาค้อ และเนินมหัศจรรย์ หมู่บ้านคุ้มจุดชมวิวกิ่วลม หมู่บ้านนอแล และหมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านหลวง

4. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด! ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี มีเทือกเขาและภูเขาสูง สลับซับซ้อน ครอบคลุมอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภูเขาที่สูงที่สุด คือ ดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย ฤดูหนาวอากาศเย็น ลมแรง

5. ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง จ.เชียงราย

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด! ภูชี้ฟ้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ยิ่งตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาตรงระหว่างปลายยอดเขา จะดูเหมือน เสือคาบแก้วมาก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,628 เมตร ส่วนของหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว
รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
ดอยผาตั้ง อยู่บนเทือกดอยผาหม่น เป็นจุดชมวิวสองฝั่งโขง ไทย-ลาว และทะเลหมอก บนดอยมีหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า โดยเฉพาะ ชาวจีนฮ่อนั้น อดีตเคยเป็น ส่วนหนึ่งของกองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามา ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผาตั้งนี้ ปัจจุบันประกอบอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิ้ล

6. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด! เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่ง ของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและ ภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและ หน้าผาชมทิวทัศน์ ลักษณะเด่นของอุทยานฯ แห่งนี้คือเป็นภูเขาหินทราย ยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่คล้ายใบบอนหรือรูปหัวใจ มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จุดท่องเที่ยวประทับใจได้แก่ ผานกแอ่น ผาหล่มสัก ผาหมากดูด น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำสอเหนือ-ใต้ สระอโนดาด เป็นต้น

7. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ไร่ภูหินร่องกล้ามียอดเขาสูง 1,617 เมตร มีทิวทัศน์สวยงาม ปกคลุมด้วยป่าเต็งรังป่าดิบเขา และป่าสนเขา มีสนสองใบและสนสามใบ ขึ้นปะปนกัน และพบกล้วยไม้ดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหิน เคยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งฐานที่มั่นการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่ และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ จุดที่น่าสนใจ ลานหินปุ่ม ลานหินแตก น้ำตกหมันแดง เป็นต้น

8. ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ – ดอยแม่เหาะ จ.แม่ฮ่องสอน

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
ดอยแม่อูคอ เป็นทุ่งดอกบัวตองที่มีพื้นที่ครอบคลุมเป็นเขากว้าง ประมาณ 1 พันไร่ ดอกบัวตองที่นี่เมื่อบานพร้อม ๆ กันในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม จะเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วทั้งภูเขา ดอยแม่เหาะ อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 10-8 ตรงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 84 เขตตำบลแม่เหาะ เป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณนี้ มีภูมิประเทศที่งดงาม มีชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง อยู่เป็นส่วนมาก ในเดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม ของทุกปี ดอกบัวตอง หรือทานตะวันป่า จะบานสะพรั่ง ไปทั่วหุบเขา สวยงามมากทีเดียว

9. อุทยานแห่งชาติภูเรือ

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด! เป็นภูเขาสูงใหญ่ บนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกคือ มีส่วนหนึ่งเป็นผา ชะโงกยื่นออกมาเหมือน หัวเรือสำเภาใหญ่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ จุดที่น่าสนใจบนอุทยานได้แก่ ผาโหล่นน้อย ภูผาสาด และทะเลภูเขา ผาซับทอง หรือ ผากุหลาบขาว เป็นหน้าผาสูงชัน และแหล่งน้ำซับที่มีพืชน้ำไลเคนสีเหลืองคล้ายสีทอง ขึ้นเต็มไปทั่ว น้ำตกห้วยไผ่ เป็นน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาสูงชัน ยอดภูเรือ เป็นจุดสูงสุดในอุทยานฯ สามารถมองเห็น แม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว

10. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด! พื้นที่วนอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงที่ป่าปกคลุมอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี การเดินทางขึ้นดอยค่อนข้างลำบาก แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วจะพบดอกไม้ป่า พันธุ์ต่าง ๆ เช่น ดอกหงอนนาค ดอกไม้ดินต่าง ๆ สวยงามมาก แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่น้ำตกภูสอยดาว และลานสน

11. ปางอุ๋ง

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
หมู่บ้านรวมไทย เป็นหมู่บ้านโครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ในพระบรมราชินูปถัมป์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถลักษณะพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บน ยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นแนวสนที่ปลูกเรียงรายอย่างกลมกลืน ยามพระอาทิตย์ขึ้นจะสะท้อนผืนน้ำเป็นลำแสงสีทองผ่านแนวสนเขียวขจี งดงามจนถือได้ว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในเมืองไทย เปรียบได้กับ นิวซีแลนด์เมืองไทย และเมื่อได้สัมผัสกับแปลงพันธ์ไม้เมืองหนาวหลากสีสันที่ปลูกประดับในโครงการ ฯ ซึ่งเปรียบเสมือนกับ สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย ปางอุ๋ง …เมื่อฟากหนึ่งเป็นนิวซีแลนด์ และอีกฝั่งหนึ่งเป็นสวิสเซอร์แลนด์

12. ปาย

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
ในฤดูหนาวที่เยือนมาอีกรอบหนึ่งของเมืองไทย หลายๆ คนจัดแจงวางแผนบุกป่าผ่าเขา เพื่อค้นหาความเยือกเย็นที่ปีหนึ่งจะมีสัก ครั้งที่แน่ๆ เกือบทั้งหมดนั้นเดินทางขึ้นเหนือ จะไปที่ไหนก็ตามแต่ ที่นี่หลายคนบอกว่าไม่ควรพลาด อ.ปาย ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปาย เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา สูงตระหง่านเป็นรอยต่อชายแดนไทย-พม่า ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด เมืองเล็กๆแห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆ ยามเช้า บรรยากาศอันเงียบสงบ ทุ่งนาสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม กับแสงแดดอุ่นๆ ที่ทอดผ่านม่านหมอกหนา แลเห็นต้นสนไม้ยืนต้นเมืองหนาวสูงใหญ่เป็นทิวแถวตามเชิงเขา วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้ “ปาย” ได้ดึงดูดนักเดินทางให้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งนี้

13. ภูทับเบิก

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
ตั้ง อยู่ที่ บ้านทับเบิก ต.วังตาล ห่างจากอ.หล่มเก่า 40 กม. และห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 97 กม. มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร และเป็นจุดที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ ชาวเพชรบูรณ์เรียกว่า “ภูทับเบิก” ภูทับเบิก มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา ป่าไม้ ต้นไม้เมืองหนาวและน้ำตก มีอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยและอยู่บนที่สูง จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยช่วงเข้าจะมองเห็นกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์

14. ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
“รับตะวันก่อนใครในสยาม” คำขวัญแห่ง ผาชะนะได ผาริมโขง นเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ดินแดนตะวันออกสุดสยาม ผาชะนะได เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจด้วยหน้าผาที่ยื่นออกไปรับลมบนที่สูง ปกคลุมด้วยป่าสนสองใบ ทิวทัศน์เบื้องหน้าเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน อีกหลายจุดชมวิวทางผ่านไปสู่ของ ผาชะนะได คือ ลานดอกไม้ดิน และการชมพะลานหิน ได้แก่ พะลานหินวัดภูอานนท์ พะลานถ้ำไฮ เป็นต้น หรือจะท่อง ป่าดงนาทาม ซึ่งมีความหลากหลายทางธรรมชาติ เป็นแหล่งเดินป่ายอดนิยมสำหรับนักผจญภัย และจุดสำคัญที่พลาดไม่ได้ คือ ทะเลหมอก คือหนึ่งไฮไลท์ของ ผาชะนะได เชื่อกันว่า ใครมีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นคนแรก เปรียบเสมือนการเพิ่มพลังให้ชีวิตโชติช่วงดังแสงที่ตัดเส้นขอบฟ้า ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของการเที่ยว ผาชนะได คือ ปลายฝนต้นหนาว (ปลายตุลาคม-กุมภาพันธ์) เพราะอากาศที่เริ่มเย็นทำให้ดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่ง

15. ดอยม่อนจอง

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
ขึ้นไปดอยรับลมหนาว หาวเป็นไอ บน ดอยม่อนจอง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นหนึ่งดอยที่หลายคนตั้งใจมาฝากรอยจารึก แม้ต้องฝ่าฟันเส้นทางเดินบน สันดอยไปสู่ยอดสูงสุดกว่า 3 กิโลเมตร แต่พี่ไทยก็ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ขอเพียงพิชิต ดอยม่อนจอง ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่ในเขตลึกของป่าอมก๋อย ทิศตะวันออกจรดเขื่อนภูมิพล ทิศตะวันตกติดกับถนนสายอมก๋อย-บ้านแม่ตื่น ทิศเหนือจรดกับพื้นที่อำเภอดอยเต่า ทิศใต้จรดกับลำห้วยแม่ตื่นที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล สูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย จุดสูงสุดของ ดอยม่อนจอง เรียกว่า หัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโตสูง และแน่นอนว่าสูงๆ อย่างนี้ ดอยม่อนจอง ก็หนีไม่พ้นสถานที่ที่ชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง แถมยามค่ำคืนยังสามารถนอนคุดคู้นับดาวกันตัวสั่น เพราะอากาศบน ดอยม่อนจอง นั้นหนาวมาก อมก๋อยว่าหนาวแล้ว พี่ม่อนจองของเราหนาวเสียยิ่งกว่า ฉะนั้นเสื้อผ้า อุปกรณ์คลายหนาวต่างๆ จัดให้พร้อม!

16. ดอยม่อนแจ่ม

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
ยอดดอยม่อนแจ่ม อยู่ใน ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ การเดินทางไม่ทุลักทุเล ใครมีรถพารถมาหย่อนไว้ แล้วเดินสูดบรรยากาศให้ฉ่ำปอด กอดภูเขา สูดเอากลิ่นดอกไม้กันได้เต็มที่ เพราะพื้นที่บน ดอยม่อนแจ่ม ไม่ กว้างใหญ่นัก เดินยังไม่ทันเมื่อยก็ได้สัมผัสทิวทัศน์โดยรอบ เตร็ดเตร่ทุกมุมแล้วก็นั่งจิบกาแฟ แชร์ประสบการณ์ สำราญไอเย็นกันแบบเบาๆ จุดชมวิวหลักๆ ของ ดอยม่อนแจ่ม มีอยู่สองด้าน ด้านหนึ่งเป็นทิวเขาสลับกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา อีกด้านก็จะเป็นไร่ปลูกพืชต่างๆของโครงการหลวง ซึ่งจะเปลี่ยนพืชพรรณไปตามฤดูกาล

17. โมโกจู อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
กิเลสแห่งการเดินทางไม่เคยสิ้นสุด แม้จะ “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” แต่ “ยิ่งสวย ก็ยิ่งอยากเห็น” มนุษย์นี่แหละน้าไม่เคยหยุดดั้นด้น ต่อให้ต้องข้ามเขาจนขาพับขาอ่อนก็ไม่ยอมแพ้ ขอแค่สายตาได้แลในสิ่งที่อยากเห็น และที่เที่ยวชวนสัมผัสช่วงหน้าหนาวอย่าง ยอดเขา โมโกจู อีกหนึ่งบทพิสูจน์ของการเดินทาง ด้วยความสูง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล โมโกจู จึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดกำแพงเพชร , จังหวัดนครสวรรค์ คำว่า โมโกจู มาจากภาษากะเหรี่ยง แปลว่า “เหมือนฝนจะตก” เนื่อง จากมีหมอกปกคลุมจัดบนยอดเขา โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว เย็นยะเยือก ควันออกปาก พ่นเล่นกันได้ทั้งวัน มองจากยอดเขาลงไปก็จะเห็นทะเลหมอกแห่งป่าตะวันตกอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร และอำเภอแม่วงก์ และอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร ตามเทือกเขาสูงชันก่อกำเนิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม 4-5 แห่ง ทั้งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแม่วงก์อันเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสะแกกรัง นอกจากนี้ยังมีแก่งหินทำให้เกิดน้ำตกเล็กๆ ตามแก่งหินนี้ ตลอดจนมีหน้าผาที่สวยงามตามธรรมชาติ อุทยานมีเนื้อที่ประมาณ 558,750 ไร่ หรือ 894 ตารางกิโลเมตร ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ในเขตพื้นที่อุทยานด้วย (ที่มา วิกิพีเดีย)

18. หมู่บ้านคีรีวง นครศรีธรรมราช

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
หมู่บ้านคีรีวง ตั้งอยู่ที่ ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช แม้ที่นี่จะไม่ได้อยู่ตอนเหนือของประเทศก็ตาม แต่ธรรมชาติที่สวยงามอยู่ในท่ามกลางธรรมชาติ ย่อมน่าสนใจไม่ใช่น้อยๆ ที่นี่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่อพยพไปอาศัยอยู่เชิงเขาหลวง ตำบลกำโลน อันเป็นเส้นทางเดินขึ้นสู่ยอดเขาหลวง ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่สงบสังคมแบบเครือญาติ จุดเด่นของหมู่บ้านคีรีวง ก็คือ ทัศนียภาพแห่งธรรมชาติ เพราะคีรีวงตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ป่าไม้ และสายน้ำ ถ้าหากว่าใครต้องการที่จะไปเที่ยวที่นี่ กิจกรรมที่น่าสนใจในหมู่บ้านคีรีวง ได้แก่ การพักในที่พักแบบโฮมสเตย์ การลองชิมอาหารพื้นเมือง ฯลฯ

19. สิงห์พาร์ค เชียงราย

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
จ.เชียงราย ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดไฮไลท์การท่องเที่ยวหน้าหนาวที่ใครต่อใครก็ ต้องมาเมื่อมีโอกาส และดูเหมือนว่า ภาพเชียงรายกับการท่องเที่ยวนับจากนี้ก็คงถึงคราวเปลี่ยนโฉม อีกครั้ง เมื่อ บุญรอด เทรดดิ้ง ได้พัฒนาปรับปรุงไร่บุญรอดเดิม บนพื้นที่ริม ถ.สายเด่นห้า-ดงมะดะ ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย ที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลกว่า 8,600 ไร่ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร พร้อมด้วยกิจกรรมสันทนาการหลากหลาย ในชื่อใหม่ไฉไลว่า “สิงห์พาร์ค เชียงราย” ที่ จะรวมทั้งบรรยากาศของไร่เกษตรอินทรีย์ ที่ให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวตลอดทั้งปี ดื่มด่ำการพักผ่อนท่ามกลางทิวทัศน์ขุนเขาอันสุดวิเศษพร้อมเมนูอาหารรสเลิศ และเต็มอิ่มกับกิจกรรมพิเศษ ที่ถูกใจคอเอ็กซ์ตรีม สามสิ่งที่ดูเหมือนมีความต่างจึงถูกสร้างให้เกิดขึ้นบนพื้นที่เดียวกันอย่างลงตัว

20. สามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย

รวมที่เที่ยวหน้าหนาว นักท่องเที่ยวห้ามพลาด!
อยู่ห่างจากอำเภอแม่สายประมาณ 28 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๑๒๙๐ เป็นบริเวณที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกมาบรรจบกัน หรือที่เรียกว่า สบรวก เป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทย ลาว พม่า บริเวณนี้ในอดีตเคยมีการค้าฝิ่น โดยแลกเปลี่ยนกับทองคำ แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงบริเวณนี้มีความงดงามโดยเฉพาะยามเช้าที่ดวงอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอกด้านฝั่งพม่า และลาว นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือเที่ยวชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า ถ้าต้องการนั่งชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขงไปไกลถึงเชียงแสนและเชียงของ ก็สามารถหาเช่าเรือได้ แต่ค่าเรือขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล นักท่องเที่ยวที่สนใจล่องแม่น้ำโขงไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่น สิบสองปันนา คุนหมิง สามารถติดต่อกับบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดเชียงรายได้ หากต้องการจะชมทิวทัศน์มุมกว้างของสามเหลี่ยมทองคำบริเวณสบรวกและเพื่อนบ้าน ต้องขึ้นไปบนดอยเชียงเมี่ยง ที่อยู่ริมแม่น้ำโขง

21. ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองเลย ชมบรรยากาศ 360 องศา

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อำเภอหนองหิน และของจังหวัดเลย นั่นก็คือ “ภูป่าเปาะ” หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฟูจิเมืองเลย” ซึ่งสวยงามไม่แพ้ที่เที่ยวอื่นๆ เลยนะ คำว่า ภูป่าเปาะ นั้นมาจากภูเขาที่มีป่าไผ่เปาะ ไผ่เปาะ เป็นไผ่ชนิดหนึ่งที่ขึ้นได้ทั่วไปตามภูเขายังสามารถพบได้ทุกๆ อำเภอ ของจังหวัดเลย ลักษณะของ ไผ่เปาะนั้น เป็นไผ่ที่เปาะแตกหักง่าย และนี่คือที่มาของคำว่า ภูป่าเปาะ
ส่วนที่เป็นจุดเด่น และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ก็คือ การได้ขึ้นไปชมบรรยากาศ และมองเห็นยอดของ ภูหอ “ภูหอ” มีลักษณะเป็นภูเขาสูงปลายยอดตัดราบบนภู ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิยามา ที่ประเทศญี่ปุ่น จึงเรียกกันว่า “ฟูจิเมืองเลย”


22. อุทยานแห่งชาติ ดอยฟ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่

ดอยผ้าห่มปก
อุทยานแห่งชาติ ดอยฟ้าห่มปก มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 524 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนของทิวเขาผีปันน้ำ มีความสูงตั้งแต่ 400 – 2,285 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีดอยสำคัญได้แก่ ดอยฟ้าห่มปก ดอยปู่หมื่น ดอยแหลม และดอยอ่างขาง สภาพป่าทั่วไปมีความอุดมสมบูรณ์และเป็นป่าต้นน้ำแห่งแม่น้ำฝาง
สถานที่น่าสนใจใน อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ได้แก่ โป่งน้ำร้อนฝาง ดอยฟ้าห่มปก สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากตั้งแค้มป์พักแรม ต้องไปที่ กิ่วลม เท่านั้น เนื่องจากทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้พักแรมบนยอด ดอยฟ้าห่มปก เพราะเป็นหน้าผาสูงชัน อาจเกิดอันตรายได้ง่าย การเดินทางขึ้นยอด ดอยฟ้าห่มปก ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน ก่อนเดินทางควรติดต่อขออนุญาต ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง


23. ดอยวาว อุทยานแห่งชาตินันทบุรี จ.น่าน

ดอยวาว อุทยานแห่งชาตินันทบุรี จ.น่าน
ดอยวาว อุทยานแห่งชาตินันทบุรี จ.น่าน ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่นักเดินทางต้องหาโอกาสไปสัมผัส ยิ่งถ้าไปช่วงโอกาสเหมาะในฤดูหนาว จะได้ตื่นตากับซากุระ หรือ ดอกพญาเสือโคร่ง บานชมพูสะพรั่งทั่วดอย คละเคล้าสายหมอกยามเช้า เสริมสีสันให้ ดอยวาว เป็นหนึ่งสถานที่พาลให้อยากเที่ยว!
ยอด ดอยวาว มีความสูง 1,674 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นจุดที่สูงสุดของ อุทยานแห่งชาตินันทบุรี และเป็นแหล่งต้นน้ำหลายสาย ได้แก่ ลำน้ำสมุน ลำน้ำสะเนียน ลำน้ำวาว ลำน้ำยาว ลำน้ำพี้ ลำน้ำตึม ลำน้ำสีพัน ลำน้ำไสล ลำน้ำระพี และลำน้ำคาง เป็นต้น ดอยวาว ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการกางเต็นท์ พักแรม กินลม ชมวิว ชิลล์ไอหมอก

24. ดอยเชียงดาว ทัศนียภาพ 360 องศา ที่ต้องสัมผัส

เชียงดาว
ดอยเชียงดาว อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่มีลักษณะเป็นเทือกเขา เป็นภูเขาหินปูน ซึ่งประกอบไปด้วยยอดเขาสูงหลายยอด ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ “ดอยหลวงเชียงดาว”สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของบ้านเรา สูงพอจะทำให้ “น้ำ” ท้อใจ ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,225เมตรรองจากดอยอินทนนท์ และดอยผ้าห่มปก
ยอดดอยกิ่วลม และยอดดอยสูงสุด และการขึ้นดอยแต่ละครั้ง จะต้องได้รับอนุญาตจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เท่านั้น โดยจะมีคนนำทางพาเราไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ด้วยการจ่ายค่าเหงื่อให้พี่เค้าวันละ 400 บาท สัมภาระอย่าให้รก เดินกันคล่องๆ จ้างลูกหาบ ลดอาการหอบ ค่าหาบอยู่ที่วันละ 300 ต่อลูกหาบ 1 คน เชื่อเถอะว่าเรามีโอกาสเสียค่าลูกหาบแน่ๆ เพราะที่นั่นไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ น้ำดื่ม น้ำอาบ ก็ต้องขนขึ้นไปด้วย ใครไม่ใช่ขาลุยถอดใจอยู่บ้านซะ จะได้ไม่เป็นภาระเพื่อนฝูง อิอิ

25. สะพานเมฆ ณ เขาช้างเผือก แหล่งท่องเที่ยวในฝันที่ กาญจนบุรี

สะพานเมฆ ณ เขาช้างเผือก
เขาช้างเผือก” เป็นชื่อของยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีความสูงประมาณ 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม น่าตื่นตา จนทำให้นักเดินป่าทั่วไทยทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า ปรารถนาจะได้มาพิชิตซักครั้งหนึ่งในชีวิต เส้นทางเดินไปสู่ยอดเขาช้างเผือก เป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้า มีจุด Highlight ของการเดินทางอยู่ที่ “สันคมมีด” สันเขาที่สวยงาม และน่าหวาดเสียวไปพร้อมกัน เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขา จะสามารถมองเห็นวิวได้รอบทิศทาง 360 องศา
เส้นทางพิชิตยอดเขาช้างเผือก มีระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมการผจญภัย และมีร่างกายที่แข็งแรง ใช้เวลาเดินเท้า จากหมู่บ้านอีต่อง ประมาณ 6 ชั่วโมง และต้องพักค้างแบบกางเต้นท์บนยอดเขา โดยต้องประสานงานติดต่ออุทยานฯ จัดเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทาง และสามารถติดต่อจ้างในการช่วยขนสัมภาระ